รีวิว Narvik นาร์วิค
รีวิว Narvik นาร์วิค เล่าเรื่องราวเหตุการณ์รบในเมืองนาร์วิค ทางตอนเหนือของ “Norway” ในเดือนเมษายน 1940 ช่วงเวลาแค่ความเข้มข้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศที่พยายามตั้งตนเป็นกลางในสงครามไม่ลงรอยครั้งนี้ แต่เมืองตกเป็นที่เพ่งเล็งเพราะเป็นบริเวณที่กองกำลัง Hitler ใช้แร่เหล็กนำไปสร้างเป็นอาวุธ ผู้หญิงหนึ่งคนกับการต่อสู้ตลอดระยะเวลาสองเดือนของพวกเขาท่ามกลางความเย็นยะเยือก จุดประกายให้ฮิตเลอร์ได้ความดื่มด่ำพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก

นี่คือผลงานการกำกับของ “Eric Sioldberg” จากหนังดังในยุค 90s อย่าง Insomnia ที่เป็นงานแจ้งเกิดให้กับเขา แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ติดตามดูผลงานของเขาและหนังนอร์เวย์เป็นประจำสักเท่าไหร่ แต่งานสร้างในหนัง Norvik เรื่องนี้ถือว่าใช้ได้ตามมาตรฐานของหนังชาตินี้ มุมภาพและมุมกล้องต่าง ๆ อาจจะไม่ได้น่าสะดุดตาอะไร แต่การร้อยเรียงเล่าเรื่องราวของหนังนั้นก็ถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างดี

บทหนังและการลำดับเรื่องราวในหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าหนังจะเล่าไปตาม “Timeline” เรื่อย ๆ แบบไม่ซับซ้อน โครงการสร้างหนังไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร บางทีอาจจะค่อนข้างผิวเผินไปด้วยซ้ำ แต่ยังดีที่ความทรงพลังในเรื่องราวของหนังยังเป็นปีกที่ทนทานให้กับหนังเรื่องนี้ อีกทั้งยังดีที่หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องได้ค่อนข้างกระชับ ไม่ยืดเยือเกินเหตุ เป็นหนังที่มีระยะเวลาแค่ชั่วโมงเศษ ๆ เพียงพอต่อการซักไซ้ลำดับเรื่องได้อย่างเหมาะเจาะดีแล้ว

แม้ว่างานเทคนิคพิเศษและการใส่ “CG” ของหนังเรื่องนี้อาจจะยังไม่แนบเนียนสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับโดดเด้งขึ้นมาจนน่าเกลียดอะไร ยังอยู่ในระดับที่พอระดับได้ ไม่ได้ทำให้เสียความรู้สึกความสนุกในการรับชมเท่าไหร่ อันที่จริง Narvik ก็คล้าย ๆ กับการนั่งดูหนังเชิงสารคดีสงครามอะไรทำนองนั้น เสริมแก่นความบันเทิงเข้าไปพอสมควร แต่เน้นไทม์ไลน์ที่อิงกับข้อเท็จจริงและบันทึกทางประวัติศาสตร์เข้ามาเสริม ใครที่ถูกใจหนังแนวสงครามโลกลักษณะนี้ น่าจะดูได้เพลิน ๆ กับหนังเรื่องนี้

เพราะว่าไม่เคยได้มีช่องทางดูผลงานการ “show” เรื่องก่อน ๆ ของทีมนักแสดงหนังเรื่องนี้ แต่ก็สัมผัสได้ว่าการแสดงของพวกเขาทำออกมาได้ดีตามเกณฑ์ โดยเฉพาะ “christine Hartgen” ที่ถือว่ามารับบทนำในหนังเรื่องแรก การแสดงของเธอก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ช่วยพยุงหนังเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ขณะที่ “Karl Martin Eggesbe” การเป็นอีกคนที่มาช่วยแบกรับหนังเอาไว้อีกแรงได้ดีเช่นกัน

โดยสรุปแล้วนั้น “นาร์วิค” จัดได้ว่าเป็น world war movies ครั้งที่ 2 อีกหนึ่งความคิดเห็นที่มาจากฝั่งนอร์เวย์ สาระของเรื่องเชิงสงครามอาจจะไม่ได้ดุเดือดสักเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นหนังยุทธการทางทหารที่ร้อยเรียงเรื่องราวไปแบบง่าย ๆ ไม่มีอะไรปะปนกันไปที่ทำออกมาได้น่าพอใจดี คอหนังสงครามและชอบส่วนย่อยประวัติศาสตร์เชิงสงครามก็น่าจะชอบหนังเรื่องนี้กับ “timeline” ที่ดูได้เพลิน ๆ งานสร้างไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังมีเรื่องราวที่ทรงพลังมาช่วยช่วยเหลือตัวหนังเอาไว้ได้ค่อนข้างสนุกดีในระดับหนึ่ง
ชมตัวอย่าง : Narvik
เรียบเรียงโดย : เว็บรีวิวหนัง
เครดิต : ดูหนังออนไลน์ฟรี